TITLEIST เปิดตัวไม้ไฮบริดรุ่นใหม่ GT1, GT2 และ GT3 ตัวเลือกที่ช่วยเพิ่มความเสถียร พร้อมคุณสมบัติการปรับแต่งจุดศูนย์ถ่วง

สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของยุคปัจจุบัน ที่มีในไดรเวอร์ และหัวไม้แฟร์เวย์ GT โดย Titleist ได้เพิ่มเติมตระกูลหัวไม้ ด้วยการขอแนะนำไม้ไฮบริด GT1, GT2 และ GT3 รุ่นใหม่ล่าสุด สามตัวเลือกที่ให้ความเสถียร และการชดเชยผิดพลาดสูง ควบคู่ไประบบปรับตำแหน่งน้ำหนัก flat-weight แบบใหม่ เพื่อช่วยให้ฟิตเตอร์ และนักกอล์ฟ สามารถจัดวางจุดศูนย์ถ่วง ให้ได้วิถีลูก และมุมเหินอย่างที่ต้องการ โดยทั้งสามโมเดลต่างมีการออกแบบที่เฉพาะตัว ตามรูปแบบผู้เล่นที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดให้การชดเชยความผิดพลาดที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมรูปทรงที่ปรับแต่งใหม่ เพื่อความสามารถในการเล่นที่ดียิ่งขึ้น

ไม้ไฮบริด GT1 รุ่นใหม่เป็นโมเดลที่ให้วิถีลูกสูงที่สุด ในบรรดาตัวเลือกทั้งหมด โดดเด่นด้วยน้ำหนักที่เบา มี MOI สูง และระบบปรับตำแหน่งน้ำหนักด้านหน้า-ด้านหลังแบบใหม่ เพื่อควบคุมมุมเหินของลูก ขณะที่ไม้ไฮบริด GT2 มีจุดเด่นที่การปรับแต่งรูปทรงแบบใหม่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการเล่น และเป็นโมเดลที่มี MOI สูงที่สุด เพื่อช่วยให้สามารถชดเชยความผิดพลาดได้สูง และการเป็นตัวเลือกทดแทนเหล็กยาวที่ให้ความสม่ำเสมอ ส่วน GT3 มีความกะทัดรัดมากขึ้น รูปทรงใกล้เคียงกับเหล็ก เพื่อความสามารถในการใช้งาน และเพิ่มการชดเชยความผิดพลาด โดยทั้งไม้ไฮบริด GT2 และ GT3 มาพร้อมระบบปรับตำแหน่งน้ำหนักที่บริเวณโคน และปลายแบบใหม่ล่าสุด เพื่อการปรับแต่งความเร็ว, มุมเหิน และช็อตการเล่นได้อย่างที่ต้องการ

ทั้งสามโมเดลของไม้ไฮบริด GT มาพร้อมการปรับแต่งรูปทรงแบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น โดย GT1 มีหน้าไม้จากช่วงโคนไปปลายที่ยาวขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เพื่อช่วยในการรักษาความเร็ว เมื่อตีลูกไม่โดนกลางหน้าไม้ และช่วยในการชดเชยความผิดพลาด ขณะที่ GT2 มีการปรับแต่งจากฟีดแบ็คของผู้เล่นระดับทัวร์ โดยมีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยขึ้น เมื่อเทียบกับ TSR2 สันด้านล่างมีความราบมากขึ้น ให้สามารถวางกับพื้นได้แนบสนิทมากขึ้น ใกล้เคียงกันกับหัวไม้แฟร์เวย์ GT ขณะที่รูปทรงของ GT3 มีขนาดที่เล็กลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ TSR3 และเช่นเดียวกับ GT2 ที่สันด้านล่างมีความราบมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการเล่นกับพื้นหญ้า และเพิ่มประสิทธิภาพเมื่อตีลูกโดนในตำแหน่งด้านล่างของหน้าไม้

GT1 โมเดลที่ให้มุมเหินสูงสุดจากตัวเลือกทั้งหมด โดย GT1 ให้การชดเชยความผิดพลาด และความสามารถในการเล่นที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้เล่นที่ต้องการประสิทธิภาพวิถีลูกสูง และสปินปานกลาง พร้อมการออกแบบให้มีน้ำหนักเบา เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีความเร็วสวิงปานกลาง โดยมีตัวเลือกทั้งรุ่นมาตรฐาน และแบบสั่งคัสตอมออเดอร์ ขณะที่ระบบจัดวางน้ำหนักด้านหน้า-ด้านท้ายแบบใหม่ ยังช่วยให้ฟิตเตอร์สามารถควบคุมมุมเหิน และสปินได้มากขึ้น เช่นเดียวกับรูปทรงของ GT1 ที่ถูกดีไซน์ให้สามารถสร้างความมั่นใจได้มากขึ้นเมื่อจรดลูก

GT2 ไม้ไฮบริด GT2 โดดเด่นด้วยการมี MOI สูงที่สุดในบรรดาตัวเลือกทั้งหมด เพื่อการให้ความเสถียร และการชดเชยความผิดพลาดที่มากเป็นพิเศษ โดย GT2 ให้วิถีลูกสูง และมาในรูปลักษณ์ที่ทันสมัย จากรูปทรงที่ถูกปรับแต่งใหม่ ฐานด้านล่างมีความราบมากขึ้น ให้สามารถวางได้แนบสนิทกับพื้นหญ้า ขณะที่ระบบจัดวางน้ำหนักด้านโคน-ปลาย จะช่วยให้ฟิตเตอร์ และนักกอล์ฟสามารถจัดวางตำแหน่งน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม เพื่อการสร้างมุมเหิน และวิถีลูกได้อย่างที่ต้องการ

GT3 โมเดล GT3 ให้ความสามารถในการใช้งาน และการชดเชยความผิดพลาดที่ยอดเยี่ยม ด้วยวิถีลูกปานกลาง-สูง โดยมีจุดเด่นที่รูปทรงขนาดเล็กลง, มีความใกล้เคียงกับเหล็กมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาการจัดวางน้ำหนักภายใน เพื่อเพิ่ม MOI ให้สูงขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ด้วยระบบปรับตำแหน่งน้ำหนักที่ด้านโคน-ปลาย จะช่วยให้ฟิตเตอร์ และนักกอล์ฟ สามารถปรับตำแหน่งการจัดวางน้ำหนักได้อย่างที่ต้องการ

มีกำหนดวางตลาดพร้อมกันทั่วโลก ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้

Previous
Previous

Honda LPGA Thailand 2025 เผยรายชื่อ 4 นักกอล์ฟสาวไทยรับเชิญ ร่วมประชันวงสวิงนักกอล์ฟระดับโลก

Next
Next

MIZUNO APAC (THAILAND) เปิดตัวเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายมิซูโนกอล์ฟ พร้อมเปิดตัวชุดเหล็ก Mizuno JPX925 Series