Stableford

Stableford คือ การให้คะแนนแต่ละหลุม จะไม่เหมือนกับวิธีการคิดคะแนนแบบสโตรคเพลย์ดั้งเดิมที่จะต้องได้คะแนนน้อยที่สุด แต่ในแบบสเตเบิ้ลฟอร์ด คือจะต้องทำคะแนนให้ได้มากที่สุด

การคิดคะแนนแบบสเตเบิ้ลฟอร์ดถูกพัฒนาโดย ดร. Frank Barney Gorton Stableford (1870–1959) เพื่อช่วยนักกอล์ฟไม่ให้หมดหวังหรือยอมแพ้หลังจากที่เขาตีได้ไม่ดีไปหลุมหรือสองหลุม เริ่มใช้อย่างไม่เป็นทางการที่สนาม Glamorganshire Golf Club แคว้นเวลส์ ประเทศอังกฤษ ในปี 1898 และถูกใช้ในการแข่งขันครั้งแรกที่ สนาม Wallasey Golf Club ในประเทศอังกฤษ

การคิดคะแนนแบบสเตเบิ้ลฟอร์ดมีข้อดีคือทำให้การเล่นเร็วขึ้น เพราะถ้านักกอล์ฟอยู่ในวิสัยที่ไม่สามารถทำแต้มได้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเล่นให้จบในหลุมนั้นก็ได้ สามารถหยิบลูกกอล์ฟไปเล่นในหลุมถัดไปได้เลย มันเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในการแข่งขันระดับสโมสร โดยเฉพาะในสหราชอานาจักร ซึ่งนักกอล์ฟจะยังอยู่ในเกมส์ถึงแม้เขาจะมีคะแนนแย่ๆในบางหลุม

การให้คะแนน

คะแนนสเตเบิ้ลฟอร์ดที่ได้ในแต่ละหลุมจะมาจากการเปรียบเทียบจำนวนการตีกับจำนวนสโตรคที่เท่ากับพาร์หลังจากปรับแต้มต่อของแต่ละคนแล้ว

ในสหราชอานาจักรจะมีการปรับค่าพาร์ของแต่ละหลุมตามแต้มต่อของแต่ละคนตาม Stroke index ของแต่ละหลุม ตั้งแต่ Stroke index เท่ากับ 1 ถึง 18 ยกตัวอย่างเช่น นักกอล์ฟที่มีแต้มต่อ 12 จะได้หลุมต่อหลุมละ 1 สโตรค ตั้งแต่หลุมที่มี Stroke index เท่ากับ 1 ถึง 12 ส่วนนักกอล์ฟที่มีแต้มต่อ 24 จะได้หลุมต่อหลุมละ 2 สโตรคในหลุมที่มี Stroke index เท่ากับ 1 ถึง 6 หลุมอื่นนอกนั้นจะได้ต่อหลุมละ 1 สโตรค (บางสนามกำหนดค่า Stroke Index ด้วยคำว่า Handicap Scale)

 

*ในบางครั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ไม่ได้นำการปรับค่าพาร์มาใช้ในการแข่งขัน โดยกำหนดให้นักกอล์ฟทุกคนมีแต้มต่อเท่ากับศูนย์เท่ากันทุกคน แต่อาจจะนำวิธีการคิดแต้มต่อของแต่ละคนด้วยวิธีอื่น เช่น 36 System เพื่อกำหนด Flight ในการมอบรางวัล

Previous
Previous

ออกกำลังกายฉบับ ไทเกอร์ วูดส์

Next
Next

โปรทิม ทัพพวิบูล นักกอล์ฟอาชีพคนแรกของประเทศไทย